dusit_nurse@dusit.ac.th 0-2423-9460 0-2423-9466

การพัฒนาดัชนีความรอบรู้ด้านสุขภาพผู้สูงอายุ


บทคัดย่อ :

                     

บทนำ: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาดัชนีความรอบรู้ด้านสุขภาพในผู้สูงอายุเขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร 2) ศึกษาระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพ และพฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร และ 3) ศึกษาความสัมพันธ์ของระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพกับพฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร

วิธีการวิจัย: เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน กลุ่มตัวอย่างคือผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ประจำตามทะเบียนบ้านในเขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร ใช้การสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Sample Random Sampling) จากชุมชน 48 ชุมชน เลือกได้ 6 ชุมชน และใช้การเลือกตัวอย่างแบบบังเอิญ (Accidental Sampling) ได้กลุ่มตัวอย่างจริงจำนวน 396 คน เครื่องมือประกอบด้วยแบบสอบถามความรอบรู้ด้านสุขภาพ จำนวน 40 ตัวชี้วัด และแบบสอบถามพฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุ จำนวน 17 ข้อ ดำเนินการตรวจสอบความความสอดคล้อง (Index of Item Objective Congruence: IOC) จากผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 3 ท่าน ทดสอบความเที่ยงด้วยการหาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาครอนบาค และวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจ และเชิงยืนยันด้วยโปรแกรมลิสเรล วิเคราะห์ข้อมูลระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพ และพฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุ ด้วยร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบความสัมพันธ์ด้วยสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน

ผลการวิจัย: พบว่า โมเดลการวัดดัชนีความรอบรู้ด้านสุขภาพมีความสอดคล้องกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ (c2(358, N=393) =402, p=0.051, AGFI = 0.90) และอัตราส่วนระหว่างค่า c2 และค่าองศาอิสระ=1.12 เมื่อพิจารณาค่าน้ำหนักองค์ประกอบในรูปคะแนนมาตรฐานของตัวแปรสังเกตได้ในโมเดลการวัดความรอบรู้ด้านสุขภาพ พบว่าน้ำหนักองค์ประกอบทั้งหมดมีค่าเป็นบวก ขนาด .54 ถึง .82 มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ประกอบด้วยโครงสร้างจำนวน 8 องค์ประกอบย่อย ระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพ และพฤติกรรมสุขภาพ พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพอยู่ในระดับสูง ร้อยละ 86.12  มีพฤติกรรมสุขภาพอยู่ในระดับดี ร้อยละ 89.90 โดยพบว่าความรอบรู้ด้านสุขภาพมีความสัมพันธ์ทางบวกระดับปานกลางกับพฤติกรรมสุขภาพอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (r=.77**, p<.01)

สรุป: เครื่องมือวัดระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพของผู้สูงอายุ มีความเหมาะสมในการนำไปใช้ได้ โดยพบผู้สูงอายุมีความรอบรู้ด้านสุขภาพระดับสูงและพฤติกรรมสุขภาพดี แต่ผู้สูงอายุต้องเผชิญความเสี่ยงในเรื่องความเฉื่อยทางปัญญาอันสืบเนื่องมาจากความเสื่อมถอยของระบบร่างกาย ดังนั้น จึงมีความจำเป็นในการสร้างเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพให้เหมาะสมกับวัย และต้องพัฒนาให้คงอยู่ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

 

คำสำคัญ: ความรอบรู้ด้านสุขภาพ, ผู้สูงอายุ, พฤติกรรมสุขภาพ


ไฟล์แนบ

        
  1. _6_HL_ธณิดา-ดวงเนตร.pdf

กลับไปหน้างานวิจัย