ความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ทางสุขภาพ กับพฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุ เขตบางพลัด กรุงเทพฯ
บทคัดย่อ :
การก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว ทำให้การดูแลสุขภาพตนเองของผู้สูงอายุมีความสำคัญ การวิจัยเชิงสหสัมพันธ์แบบบรรยายนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับความรอบรู้ทางสุขภาพ และพฤติกรรมสุขภาพ และความสัมพันธ์ของระดับความรอบรู้ทางสุขภาพกับพฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุ กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้สูงอายุจาก 48 ชุมชนในเขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร เลือกโดยสุ่มตัวอย่างแบบง่าย ได้มา 6 ชุมชน จากนั้นเลือกตัวอย่างแบบบังเอิญ จำนวน 393 คน ตามสูตรการคำนวณขนาดกลุ่มตัวอย่างของ Yamane เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบประเมินความรอบรู้ทางสุขภาพ และพฤติกรรมสุขภาพ มีค่า IOC=0.95 และ 0.90 ตรวจสอบความเที่ยง ด้วยสัมประสิทธิ์อัลฟ่าครอนบราคได้ .96, .84 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบความสัมพันธ์ด้วยสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน ผลการศึกษา พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีระดับความรอบรู้ทางสุขภาพอยู่ในระดับสูง ร้อยละ 86.12 มีพฤติกรรมสุขภาพอยู่ในระดับดี ร้อยละ 89.90 โดยพบว่าความรอบรู้ทางสุขภาพมีความสัมพันธ์ทางบวกระดับปานกลางกับพฤติกรรมสุขภาพอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (r=.77**, p<.000) แม้จะพบว่ามีความรอบรู้ทางสุขภาพระดับสูงและพฤติกรรมสุขภาพดี แต่ผู้สูงอายุต้องเผชิญความเสี่ยงในเรื่องความเฉื่อยทางปัญญาอันสืบเนื่องมาจากความเสื่อมถอยของระบบร่างกาย ดังนั้น จึงมีความจำเป็นในการสร้างเสริมความรอบรู้ทางสุขภาพให้เหมาะสมกับวัย และต้องพัฒนาให้คงอยู่ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ไฟล์แนบ
กลับไปหน้างานวิจัย |