การพัฒนาผลการเรียนรู้ของนักศึกษาพยาบาล โดยการใช้ห้องเรียนกลับด้าน (Flipped Classroom) ใน วิชาวิจัยและนวัตกรรม
บทคัดย่อ :
บทคัดย่อ
การวิจัยกึ่งทดลอง แบบวัดก่อน-หลังการทดลองนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาผลการเรียนรู้ของนักศึกษาที่ใช้ห้องเรียนกลับด้าน และเพื่อเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ของนักศึกษาก่อนและหลังการใช้ห้องเรียนกลับด้าน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ อาสาสมัครนักศึกษาพยาบาล ชั้นปีที่ 3 จำนวน 99 คน ที่เรียนวิชาวิจัยและนวัตกรรม ของคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เครื่องมือที่ใช้ทดลอง ได้แก่ รูปแบบการใช้ห้องเรียนกลับด้าน เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย แบบประเมินผลการเรียนรู้ และแบบสัมภาษณ์ผู้เรียนเพื่อประเมินผลการจัดการเรียนการสอน ผ่านการตรวจสอบจากผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 3 คน ได้ค่าดัชนีความสอดคล้องของเครื่องมือ เท่ากับ 1.00, 0.67-1.00 และ 0.67-1.00 ตรวจสอบความเที่ยงของแบบประเมินผลการเรียนรู้ ได้ 0.90 ทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ สถิติเชิงพรรณนา และสถิติอ้างอิง
ผลการวิจัย พบว่า นักศึกษาก่อนใช้ห้องเรียนกลับด้าน มีผลการเรียนรู้รายด้าน ทั้งด้านคุณธรรมและจริยธรรม ความรู้ ทักษะทางปัญญา ทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ ทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลขการสื่อสาร และเทคโนโลยีสารสนเทศ และโดยรวมอยู่ในระดับมาก (Mean= 3.94, 3.64, 3.73, 3.97, 3.69 และ 91.33, SD = 0.47, 0.58, 0.50, 0.47, 0.55 และ 10.13 ตามลำดับ) หลังการใช้ห้องเรียนกลับด้าน ผลการเรียนรู้รายด้านและโดยรวม อยู่ในระดับมากที่สุด (Mean= 4.57, 4.33, 4.35, 4.53, 4.39 และ 106.73, SD = 0.29, 0.36, 0.36, 0.40, 0.35 และ 6.20 ตามลำดับ) เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยผลการเรียนรู้หลังการเรียนสูงกว่าก่อนการเรียน และแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ผลการวิจัยครั้งนี้ค้นพบว่า การใช้ห้องเรียนกลับด้านช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนมีผลการเรียนรู้ดีขึ้น ดังนั้น การใช้ห้องเรียนกลับด้านสามารถนำมาพัฒนาผู้เรียนในระดับอุดมศึกษาได้เป็นอย่างดีและเหมาะสม
Abstract
The quasi-experimental research aimed to study the learning outcomes of students and compare before and after using the flipped classrooms. The experimental group consisted of 99 volunteers in 3rd-year nursing who enrolled in research and innovation subjects in the Faculty of Nursing, Suan Dusit University. The experimental instrument in this study is the flipped classroom. The data collection tools consist of learning outcomes assessment and interview questionnaires to assess teaching and learning. The validity of the content was verified by three experts. The consistency of this tool was 1.00, 0.67-1.00, and 0.67-1.00, respectively. The reliability of the learning outcome instrument was 0.90. The data analysis was descriptive and referenced statistics. Before participating in the flipped classroom, the results showed the learning outcomes each aspect; ethics and morals, knowledge, cognitive skills, interpersonal and responsible skills, numerical analysis, communication and information technology skills, and overall learning outcomes were high (Mean= 3.94, 3.64, 3.73, 3.97, 3.69, and 91.33, SD = 0.47, 0.58, 0.50, 0.47, 0.55 and 10.13, respectively). After using the flipped classroom, the results showed that overall and each aspect of the learning outcome was higher than before (Mean= 4.57, 4.33, 4.35, 4.53, 4.39, and 106.73, SD = 0.29, 0.36, 0.36, 0.40, 0.35, and 6.20, respectively). The mean of learning outcome scores after the study was significantly higher than before the study (p<.01). The results of this research indicate that flipped classroom helps students increase their effective learning outcomes. Therefore, the flipped classroom can be used for learners’ development in higher education properly and appropriately.
ไฟล์แนบ
| กลับไปหน้างานวิจัย |