dusit_nurse@dusit.ac.th 0-2423-9460 0-2423-9466

ความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบการเรียนรู้ คุณลักษณะของผู้มีการคิดอย่างมีวิจารณญาณและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในนักศึกษาพยาบาล


บทคัดย่อ :

                     

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา (Descriptive research) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา ความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบการเรียนรู้  การคิดอย่างมีวิจารณญาณและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ประชากรคือ นักศึกษาพยาบาลศาสตร์ ชั้นปีที่ 1-4 จำนวน 250 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล แบบสอบถามคุณลักษณะของผู้มีการคิดอย่างมีวิจารณญาณ รูปแบบการเรียนรู้ ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค เท่ากับ .84,และ.87  ตามลำดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน Spearman’s Rank Correlation Coefficient และ Kruskal-Wallis   ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีอายุเฉลี่ย 20.3 ปี (SD.=1.72) เกรดเฉลี่ย 3.00-3.5 ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 นักศึกษาชั้นปีที่4 มีคะแนนมัธยฐานของคุณลักษณะของผู้มีการคิดอย่างมีวิจารณญาณโดยรวมสูงสุด(median=225) พิจารณารายด้านพบด้านมีระบบระเบียบ (median=37)ด้านการคิดอย่างวิเคราะห์ (median=32) และด้านความอยากรู้อยากเห็นทางวิชาการ (median=31)  นักศึกษามีรูปแบบการเรียนไม่แตกต่างกันส่วนใหญ่เป็นแบบพึ่งพา และแบบอิสระ รูปแบบการเรียนรู้แบบแข่งขันความสัมพันธ์ทางบวกกับคุณลักษณะของผู้มีการคิดอย่างมีวิจารณญาณโดยรวม(r =.21,p<.01) ความอยากรู้อยากเห็นทางวิชาการ(r =.14,p<.05)  ด้านวุฒิภาวะ(r =.15,p<.05) และด้านค้นหาความจริง(r =.23,p<.01) แต่ไม่มีความสัมพันธ์กับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน

สรุป: การเรียนการสอนด้วยการอภิปรายกลุ่ม  แลกเปลี่ยนความคิด และการทำงานเป็นกลุ่มจะ พัฒนาการคิดอย่างมีวิจารณญาณสำหรับนักศึกษาพยาบาลได้


ไฟล์แนบ

        
  1. The Relationships among Learning Styles, Critical Thinking Deposition.pdf

กลับไปหน้างานวิจัย